• หน้าแรก
  • Clickzy Tips
  • เลือกเครื่องปรับอากาศยังไง ให้พอดีขนาดห้องและคุ้มค่าไฟ

เริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนกันแล้ว หลายคนที่อยู่กับบ้านคงอยากเปิดแอร์ให้ได้ดับร้อน และได้ Work From Home กันอย่างเย็นสบาย ไม่ต่างกับเวลาที่อยู่ออฟฟิศกันแน่ ๆ ด้วยอุณหภูมิเฉลี่ยระหว่าง 35°C ถึง 40°C ในช่วงหน้าร้อนกลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนพฤษภาคม หรือบางครั้งก็ยาวนานกว่านั้น เป็นใครบ้างจะทนร้อนไหว จะเปิดพัดลมก็คงเป่าลมร้อน ๆ วนไปวนมาอยู่ในห้อง หรือจะเปิดหน้าต่างรับลมจากข้างนอกก็กลัวฝุ่น PM 2.5 จะพัดเข้าบ้าน ทางเลือกที่เหลือก็คงเป็นการเปิดแอร์สบาย ๆ ที่ 25°C ให้ได้เย็นฉ่ำเต็มที่นี่ล่ะ

แต่ด้วยค่าไฟที่เพิ่มขึ้น ก็คงเป็นตัวฉุดความอยากเปิดแอร์ให้หลายคนต้องทนทั้งร้อนตัวและร้อนใจไปด้วยแน่ ๆ แล้วเราจะมีวิธีใช้งานเครื่องปรับอากาศอย่างไรบ้างให้ไม่เปลืองค่าไฟและไม่ต้องทนปาดเหงื่อ หรือแท้จริงแล้วต้องเริ่มจากการเลือกขนาดและประเภทของแอร์ที่จะติดตั้งไว้ใช้ในบ้านตั้งแต่แรก

แล้ววิธีการใช้งานแอร์ให้ไม่เปลืองนั้น มีทั้งการเลือกยี่ห้อของแอร์ ราคาแอร์ที่ขาย ค่าติดตั้ง บริการหลังการขาย สัดส่วนขนาดห้องและกำลัง BTU ของแอร์ที่พอดีกัน เพื่อในระยะยาวแล้วเราจะได้ใช้งานแอร์ได้อย่างสบายกายและสบายใจ ไม่ต้องรู้สึกเดือดร้อนไปตามอูณหภูมิร้อน ๆ ของฤดูกาลนั่นเอง

แอร์ Daikin มีเทคโนโลยีใหม่ ช่วยประหยัดไฟมากขึ้น

ใช้แอร์อย่างคุ้มค่าเลือก BTU ให้พอดีกับขนาดห้อง

เครื่องปรับอากาศทั่วไปที่ใช้กันตามคอนโดมิเนียมหรือบ้านเรือนจะมีหลายขนาดตั้งแต่ 9,000 ถึง 18,000 BTU เพื่อให้ทำความเย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพและพอดีกับขนาดของห้องโดยที่แอร์ไม่ต้องทำงานหนักหรือเปลืองไฟจนเกินจำเป็น ส่วนแอร์ที่มีกำลัง BTU สูงกว่านั้นมักจะใช้งานตามอาคารพาณิชย์ หอประชุมหรืออาคารขนาดใหญ่

โดยขนาด BTU ที่เหมาะสมกับห้องต่าง ๆ ของบ้านหรือคอนโดจะเรียงลำดับดังนี้

BTUห้องร่มปกติห้องมีแดดส่อง
9,00012 – 15 ตร.ม.11 – 14 ตร.ม.
12,00016 – 20 ตร.ม.14 – 18 ตร.ม.
18,00024 – 30 ตร.ม.21 – 27 ตร.ม.
22,00028 – 35 ตร.ม.25 – 32 ตร.ม.

ซึ่งก็มีสูตรการคำนวณที่สามารถเข้าใจได้ง่าย ๆ คือ

BTU = พื้นที่ห้อง (กว้าง x ยาว) x ค่าความต่าง

โดยที่ค่าความต่าง (Cooling Load) หมายถึงค่าความร้อนในแต่ละห้อง ระหว่างห้องที่มีแดดส่องและต้องใช้งานแอร์ตอนกลางวัน กับห้องที่ฝั่งแสงร่มหรือใช้งานแอร์แค่ช่วงกลางคืนเท่านั้น

ตัวอย่างเช่น ห้องขนาด 12 ตร.ม. (3ม. x 4ม.)

  • ห้องที่มีแดด จะมีค่า Cooling Load ที่ 700 – 800 BTU/ตร.ม.
    เท่ากับ (3x4) x 800 = 9,600 BTU

  • ห้องร่มปกติ จะมีค่า Cooling Load ที่ 600 – 700 BTU/ตร.ม.
    เท่ากับ (3x4) x 700 = 8,400 BTU

นอกจากนี้หากเป็นห้องที่อยู่ฝั่งทิศตะวันตกและห้องฝั่งทิศใต้ สำหรับประเทศไทยก็สามารถนับได้ว่าเป็นห้องที่มีแดดส่อง และควรเลือกใช้แอร์ขนาด 12,000 BTU เพื่อที่แอร์ไม่ต้องทำงานหนักจนเกินไป ขณะที่ห้องทางฝั่งทิศเหนือและห้องทางทิศตะวันออกที่ใช้อยู่อาศัยฉพาะช่วงบ่ายก็จะนับได้เป็นห้องปกติ ซึ่งแอร์ขนาดเริ่มต้นที่ 9,000 BTU ก็เพียงพอแล้ว แบบนี้จะช่วยให้เราเห็นภาพว่าห้องไหนควรเลือกใช้เครื่องปรับอากาศ BTU เท่าไหร่บ้างนั่นเอง

ตำแหน่งการติดตั้งแอร์ ใครว่าไม่สำคัญ

จุดที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศในห้องก็มีผลกับการทำความเย็นภายในห้องไม่แพ้กับขนาด BTU โดยจุดที่เหมาะสมกับการติดตั้งแอร์ควรจะเป็นผนังทึบ ฝั่งที่ยังสามารถเชื่อมกับตัวคอมเพรสเซอร์แอร์ภายนอกได้ และควรอยู่กึ่งกลางของผนังฝั่งนั้น เพื่อให้แอร์หมุนเวียนอากาศได้ทั่วทั้งห้องมากที่สุด

ขณะที่การติดตั้งแอร์ไว้เหนือประตูหรือหน้าต่างอาจทำให้ความเย็นรั่วไหลออกจากห้อง ทำให้แอร์ทำงานไม่สม่ำเสมอและเปลืองพลังงานได้ นอกจากนี้ไม่ควรตั้งเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ขวางแอร์ หรือติดตั้งแอร์ชิดกับมุมห้องเพราะแอร์จะทำความเย็นได้ไม่ทั่วถึง

แอร์ Daikin เย็นเร็วทันใจด้วย Powerful Mode

แอร์ธรรมดา (Non-Inverter) กับ Inverter แบบไหนดีกว่ากัน

ด้วยความที่เป็นเทคโนโลยีที่ใหม่กว่า ระบบแอร์แบบ Inverter ก็ย่อมดีกว่าแอร์ธรรมดาที่เป็น Non-Inverter อยู่แล้ว ซึ่งความแตกต่างที่ชัดเจนคือ แอร์ธรรมดาจะตัดการทำงานของคอมเพรสเซอร์ทุกครั้งเมื่อห้องได้ระดับอุณหภูมิที่ตั้งไว้ แต่จะกลับมาเดินเครื่องใหม่เพื่อทำความเย็นอีกครั้ง และหากอุณหภูมิในห้องไม่คงที่จะทำให้คอมเพรสเซอร์เปิด ๆ ปิด ๆ ตัดการทำงานบ่อยครั้ง ก็เสี่ยงที่จะเสื่อมสภาพและพังเร็วได้ อีกทั้งยังเป็นสาเหตุของการที่แอร์กินไฟด้วยเช่นกัน แต่ข้อได้เปรียบคือ ราคาแอร์เริ่มต้นจะถูกกว่าแบบ Inverter อยู่มาก ในระยะยาวจึงอาจจะต้องระมัดระวังการใช้งานแอร์จนเกินจำเป็นแทน

ขณะที่แอร์แบบ Inverter จะช่วยประหยัดไฟมากขึ้น และช่วยคงอุณหภูมิของห้องให้สม่ำเสมอ โดยที่คอมเพรสเซอร์จะทำงานอยู่ตลอดที่เปิดแอร์ เพียงแค่มีการผ่อนกำลังหรือเร่งมอเตอร์เท่าที่จำเป็นในการปรับอุณหภูมิห้อง อีกทั้งจะมีจุดเด่นคือแอร์แบบ Inverter จะทำงานเงียบกว่าแอร์ธรรมดา ส่วนข้อด้อยเดียวของแอร์แบบ Inverter ก็คือ ราคาแอร์ตอนซื้อมาติดตั้งจะสูงกว่า แต่ในระยะยาวแล้ว อาจจะคุ้มค่ากว่าในแง่ของการช่วยประหยัดค่าไฟก็เป็นได้

แอร์ Daikin ใช้ทนคุ้มค่า รับประกัน 3-5 ปี

แอร์ประหยัดไฟและใช้งานคุ้ม ทำไมต้องเลือกแอร์ Daikin

เมื่อพูดถึงเครื่องปรับอากาศที่โดดเด่นเรื่องประหยัดไฟ และใช้งานได้คุ้มค่า เชื่อว่าแอร์ Daikin น่าจะต้องเป็นยี่ห้อแรก ๆ ที่หลายคนนึกถึง เพราะแอร์ไดกิ้นมีการพัฒนาเทคโนโลยีมาตรฐานของญี่ปุ่นที่เป็นลิขสิทธ์เฉพาะของ Daikin พร้อมกับการทำความเย็นด้วยสารรุ่นใหม่ R32 ที่ช่วยให้คอมเพรสเซอร์ไม่ทำงานหนัก แถมยังช่วยประหยัดพลังงานและลดการเกิดภาวะเรือนกระจกอีกด้วย

ด้วยแอร์ Daikin รุ่นเริ่มต้นอย่าง FTM13PV2S ขนาดถึง 13,000 BTU มาพร้อมกับแผ่นกรองอากาศ Titanium Apatite Deodorizing Filter ที่จะช่วยดักจับอนุภาคขนาดเล็ก และยับยั้งกลิ่น แบคทีเรีย เพื่อให้อากาศในห้องสะอาดขึ้น และยังดูแลรักษาได้ง่าย ๆ เพียงแค่นำออกมาผึ่งแดดทุก ๆ 6 เดือน

ในส่วนของการขาย Daikin รุ่นนี้ยังมีบริการรับประกันคอมเพรสเซอร์ถึง 5 ปี และรับประกันแผงคอยล์เย็น 3 ปี เมื่อชอปกับ Zdecor ทาง Clickzy คลิกที่นี่

ราคาโปรโมชั่น ณ วันที่ 9 มี.ค. 2566 เริ่มต้น 15,840 บาท* จากเดิม 18,216 บาท

หรือ เครื่องปรับอากาศอื่น ๆ ที่อาจสนใจ ดูเพิ่มเติมได้ คลิกที่นี่

นอกจากนี้ Daikin ยังมีบริการหลังการขายที่เข้าถึงง่าย เช่นบริการล้างงแอร์ด้วยช่างงผู้ชำนาญของแอร์ไดกิ้นโดยตรง ทำให้ลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดจากบริการทั่วไปในส่วนนี้ได้ด้วย

หมายเหตุ: ราคาที่เสนอยังไม่รวมค่าติดตั้ง ค่าจัดส่ง และค่าบริการอื่น ๆ ที่อาจเกี่ยวข้อง เงื่อนไขบริการเป็นไปตามบริษัทฯ กำหนด*

One More Tips:

จุดติดตั้งแอร์ในห้องนอน ควรหลีกเลี่ยงตำแหน่งเหนือหัวเตียง หรือเลี่ยงการหันลมแอร์ปะทะกับใบหน้าของเราขณะที่นอนอยู่บนเตียงโดยตรง เพราะนอกจากจะทำให้รู้สึกไม่สบายขณะนอนหลับแล้ว ยังอาจก่อผลเสียต่อสุขภาพอีกด้วย โดยเฉพาะเรื่องของทางเดินหายใจ เช่น โรคภูมิแพ้ เป็นต้น

 

อ้างอิง:
- https://www.daikin.co.th/

- https://www.tmd.go.th/

สอบถาม

ตุ๊กตาคุณช้างจับ� ...

ชวนรู้จัก Sterile Water น้� ...