ปัญหาแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือเสื่อม คงเป็นปัญหากวนใจผู้ใช้สมาร์ทโฟนหลาย ๆ คน เพราะนอกจากจะทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วขึ้นแล้ว ยังทำให้เราใช้งานแอปหรือฟังก์ชันต่าง ๆ ของโทรศัพท์ได้ไม่เต็มที่ เนื่องจากต้องคอยกังวลกับหาที่ชาร์จไฟอยู่บ่อย ๆ ต้องคอยพกพาพาวเวอร์แบงค์ไปด้วยอยู่เสมอจนเกะกะ หรือไม่สามารถใช้งานเมื่อมีเหตุฉุกเฉินได้เพราะพลังงานในแบตเตอรี่ไม่เพียงพอ
แต่หากสังเกตดูดี ๆ แล้ว การที่แบตเตอรี่โทรศัพท์เสื่อมเร็วก็มีส่วนมาจากพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้อย่างเรา ๆ ด้วยเช่นกัน ฉะนั้นหากเราต้องการให้แบตเตอรี่สมาร์โฟนของเราหมดช้าลง และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น วันนี้ Clickzy เลยรวบรวมเคล็ด(ไม่)ลับในการป้องกันแบตเสื่อม เพื่อยืดอายุการใช้งานมือถือให้นานขึ้น มาแบ่งปันผู้อ่านกันในวันนี้ จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย
สาเหตุของแบตเตอรี่มือถือเสื่อมเร็ว
ส่วนมากแล้ว สาเหตุของแบตเตอรี่มือถือเสื่อมเร็วที่พบเจอบ่อย ๆ มักมาจากพฤติกรรมการใช้งานมือถือของตัวผู้ใช้เอง ที่ส่งผลให้อุปกรณ์ของมือถือรวมถึงแบตเตอรี่นั่นเสื่อมเร็ว ทำให้พลังงานหมดเร็วขึ้นและมีอายุการใช้งานที่สั้นลงกว่าที่ควร ทั้งที่อาจจะเพิ่งซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นมาใช้งานได้ไม่นาน เช่น
ใช้งานมือถือจนเครื่องร้อน
แน่นอนอยู่แล้วว่า ความร้อนเป็นพิษภัยกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกด้าน ตั้งแต่แอปพลิเคชั่นทำงานช้าลง ข้อมูลเสียหาย รวมถึงแบตเตอรี่เสื่อมเร็วด้วยเช่นกัน ซึ่งอาจจะมาจากการใช้งานมือถือในการเล่นเกมส์จนเครื่องร้อน หรือใช้งานโทรศัพท์ขณะที่อยู่กลางแจ้งนาน ๆ นั่นเอง
ใช้มือถือจนแบตเตอรี่หมดแล้วค่อยชาร์จ
บางคนอาจเคยได้ยินคำแนะนำว่า ต้องใช้มือถือจนกว่าแบตเตอรี่จะหมดเกลี้ยงก่อนแล้วค่อยนำไปชาร์จ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดและยิ่งจะทำให้แบตเสื่อมเร็วขึ้นอีกด้วย ดังนั้นเมื่อโทรศัพท์แจ้งเตือนระดับแบตเตอรี่เป็นสีแดง โดยทั่วไปจะตั้งค่ากันไว้ที่ 20% ก็ควรเริ่มนำไปชาร์จได้แล้ว
ใช้งานมือถือขณะที่กำลังชาร์จไฟอยู่
เป็นอีกพฤติกรรมการใช้งานมือถือที่ชวนให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วเช่นกัน รวมถึงยังทำให้สมาร์ทโฟนเกิดความร้อนซึ่งยิ่งเป็นอันตรายมากขึ้นถ้ากำลังชาร์จไฟอยู่ด้วย ดังนั้นเพื่อป้องกันแบตเสื่อมและเลี่ยงอันตรายจากการใช้มือถือจนร้อน เราควรวางโทรศัพท์ไว้ให้มันชาร์จไฟเฉย ๆ จนแบตเตอรี่กลับมาเต็มแล้วจึงค่อยนำกลับมาใช้งานต่อ
เสียบสายชาร์จค้างไว้แม้แบตเต็ม 100% แล้ว
แม้ว่าอุปกรณ์การชาร์จและเทคโนโลยีของโทรศัพท์มือถือใหม่ ๆ จะรับรองว่าไม่เสื่อมสภาพเร็วแม้จะเสียบสายชาร์จทิ้งไว้จนเต็ม 100% นาน ๆ แต่รู้หรือไม่ว่าในการชาร์จแบตเตอรี่มือถือแต่ละครั้ง จะเกิดความร้อนจนสะสมที่ตัวแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นปัจจัยทำให้มือถือและแบตเสื่อมเร็วขึ้นตามที่เล่าไปในช่วงต้น ซึ่งการชาร์จมือถือจนเต็มข้ามคืนบ่อย ๆ หรือเสียบสายชาร์จค้างไว้แม้แบตเต็ม 100% แล้ว ก็อาจเป็นอีกสาเหตุของแบตเสื่อมได้เช่นกัน
ดังนั้น หากเลี่ยงการชาร์จแบตมือถือข้ามคืนไม่ได้จริง ๆ อย่างน้อยก็ควรวางโทรศัพท์ไว้ในห้องที่อากาศถ่ายเท มีพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศ เพื่อช่วยระบายความร้อน
ใช้สายชาร์จปลอม หรือสายชาร์จที่ไม่มีคุณภาพ
หากใครยังคิดว่า สายชาร์จจากที่ไหนก็เหมือน ๆ กัน Clickzy ขอบอกเลยว่า คุณคิดผิด เพราะสายชาร์จที่ไม่ได้มาตรฐานอาจไม่มีการใช้วัสดุที่รองรับกระแสไฟฟ้าที่เหมาะสมและไม่คงที่ ซึ่งยิ่งทำให้เกิดปัญหาแบตเสื่อมเร็วได้ หรือในบางกรณีอาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรและเป็นอันตรายอีกด้วย
ฉะนั้น เราอาจจะยอมจ่ายแพงขึ้นสักหน่อย เพื่อให้ได้อุปกรณ์ชาร์จมือถือที่ได้มาตรฐานและใช้งานได้อย่างปลอดภัยและยาวนานขึ้นจะดีกว่า
วิธีป้องกันแบตเสื่อมอย่างง่าย ๆ จากการปรับวิธีใช้งานมือถือ
ทั้งนี้ เมื่อสาเหตุของแบตเสื่อมมาจากพฤติกรรมการใช้งานของเราเองแล้ว ก็หมายความว่าเราเองสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานโทรศัพท์มือถือของเราได้ เพื่อให้แบตเตอรี่โทรศัพท์หมดช้าลงและยืดอายุของแบตเตอรี่ให้ยาวนานขึ้นอีกด้วย
พักการใช้งานเมื่อเครื่องร้อน
ตามที่ Clickzy เล่าไว้ในตอนต้น หากใช้งานโทรศัพท์มือถือนานจนเกิดความร้อน ควรพักการใช้งานชั่วคราวจนกว่าโทรศัพท์จะเย็นลงแล้วค่อยนำมาใช้งานต่อ และระหว่างที่เครื่องยังร้อนอยู่ก็ไม่ควรรีบนำไปชาร์จแบตในทันทีด้วยนะ เพราะจะยิ่งทำให้แบตเสื่อมเร็วขึ้นได้เช่นกัน
วางโทรศัพท์มือถือไว้บนพื้นแข็ง
เพื่อให้โทรศัพท์มือถือลดการสะสมความร้อนจากการใช้งาน ควรวางพักไว้บนพื้นผิวที่เรียบแข็ง เช่น บนโต๊ะ หรืออุปกรณ์สำหรับวางโทรศัพท์โดยเฉพาะ เพื่อลดการสะสมความร้อนของสมาร์ทโฟน เพราะหากวางไว้บนพื้นผิวที่นุ่มหรือวัสดุจากผืนผ้า เช่น บนเบาะนั่ง โซฟา หรือที่นอน ก็จะยิ่งทำให้โทรศัพท์สะสมความร้อนได้ง่ายขึ้น
ชาร์จมือถือแต่พอดี
ควรถอดสายชาร์จออกเมื่อชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์เต็ม 100% แล้ว โดยไม่เสียบทิ้งไว้ข้ามคืน หรือชาร์จที่ละเล็กทีละน้อยแต่บ่อยครั้งตลอดทั้งวัน
ปิดการใช้งานแอปพลิเคชันที่ไม่จำเป็น
หนึ่งในสาเหตุที่แบตหมดเร็ว ก็มีส่วนมาจากการที่ในสมาร์โฟนเปิดใช้งานแอปพลิเคชันไว้เยอะจนเกินไป รวมถึงฟังก์ชันบางอย่างที่ไม่จำเป็นต้องเปิดไว้หากยังไม่จำเป็นต้องใช้งาน เช่น บลูทูธ ไวไฟ ระบบสั่นเมื่อมีข้อความแจ้งเตือน เพราะระบบเหล่านี้จะดึงพลังงานจากแบตเตอรี่อยู่ตลอดเวลาเพื่อค้นหาและเชื่อมต่อสัญญาณ หากยังไม่ได้ใช้ก็ควรปิดไว้ก่อน
ตั้งค่าความสว่างหน้าจอแบบอัตโนมัติ
หน้าจอที่ปรับค่าความสว่างไว้จนสุดก็ดึงพลังงานจากแบตเตอรี่ให้หมดเร็วขึ้น ทำให้ต้องชาร์จบ่อยขึ้นและแบตเสื่อมเร็วขึ้น ซึ่งโทรศัพท์สมาร์ทโฟนต่าง ๆ มักมีตัวเลือกการตั้งค่าสว่างหน้าจอแบบอัตโนมัติไว้ให้ เพื่อที่หน้าจอโทรศัพท์จะสว่างมากขึ้นหรือมืดลงเท่าที่จำเป็นตามสถานที่โดยรอบที่ผู้ใช้กำลังใช้งานได้อัตโนมัติ
One More Tip:
รู้หรือไม่ว่า การนำโทรศัพท์ไปแช่เย็นไว้ก็ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่และไม่แนะนำให้ทำ เพราะอุณหภูมิที่เย็นจัดและความชื้นภายในตู้เย็นก็สามารถเป็นปัจจัยที่เร่งให้โทรศัพท์เสื่อมเร็วขึ้น หรือทำงานขัดข้องได้ ฉะนั้นหากโทรศัพท์มีความร้อน ควรวางพักไว้ให้เย็นลงเองตามอุณหภูมิห้องอย่างช้า ๆ ดีกว่า และอาจถอดเคสป้องกันชั่วคราวระหว่างวางพักโทรศัพท์ไว้ เพื่อให้โทรศัพท์เย็นลงเร็วขึ้น