ช่วงวันนั้นของเดือน ‘อาการปวดท้องเมนส์’ มักสร้างความทรมาน หงุดหงิด หลายคนปวดจนนอนไม่ได้ หรือลุกมาทำอะไรไม่ได้เลย เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน และยังสร้างความลำบากให้กับการใช้ชีวิตได้ไม่น้อย นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมสาว ๆ ถึงต้องมียาแก้ปวดท้องเมนส์พกติดตัวไว้ในวันนั้นของเดือน โดยเราได้รวม 5 อันดับของเหล่ายาแก้ปวดท้องเมนส์ ทั้งยาแก้ปวดท้องเมนส์ สีชมพู และยี่ห้ออื่น ๆ ที่สาว ๆ นิยมมาฝากกัน
สาเหตุของการปวดท้องประจำเดือน หรือปวดท้องเมนส์
ในช่วงที่มีประจำเดือนร่างกายจะผลิตสารที่ชื่อว่า ‘โพรสตาแกลนดิน (Prostaglandin)’ เป็นสารที่กระตุ้นให้มดลูกเกิดการบีบตัว และกล้ามเนื้อมดลูกหดเกร็ง ทำให้รู้สึกปวดหน่วงบริเวณท้องน้อยขึ้นมาได้ หากร่างกายหลั่งสารตัวนี้ออกมาในปริมาณมากก็จะยิ่งเพิ่มความรุนแรงของการบีบรัด จนทำให้รู้สึกปวดท้องประจำเดือน หรือปวดท้องเมนส์มากยิ่งขึ้น ซึ่งอาจเกิดจากภาวะผิดปกติของมดลูก หรืออวัยวะสืบพันธุ์อื่น ๆ เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือช็อกโกแลตชีสต์ ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ ภาวะปากมดลูกตีบ เป็นต้น โดยความผิดปกติเหล่านี้เป็นต้นเหตุที่นำไปสู่การปวดประจำเดือนในระดับรุนแรง หรือเรื้อรังได้นั่นเอง
อาการปวดประจำเดือนแบบไหนที่ควรทานยาแก้ปวดท้องเมนส์
หลายคนมักมีอาการปวดท้องก่อนมีประจำเดือน 1 – 2 วัน รวมถึงระหว่างมีประจำเดือนในช่วงแรก ๆ โดยมีตั้งแต่อาการปวดหน่วง ๆ หรือปวดเกร็งเล็กน้อย ไปจนถึงอาการปวดขั้นรุนแรง บริเวณท้องน้อย หรือบริเวณอุ้งเชิงกราน หรือบางคนอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดหลังด้านล่าง คลื่นไส้อาเจียน เหงื่อออก ท้องเสีย ท้องผูก ท้องอืด มีไข้ เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่มักเลือกทานยาแก้ปวด หรือยาแก้ปวดท้องเมนส์ เม็ดสีชมพู ที่หลายคนคุ้นเคยกันดี
5 อันดับ “ยาแก้ปวดท้องเมนส์” ที่สาว ๆ ต้องมี!
1. Nurofen
ยาแก้ปวดท้องเมนส์ ที่มีลักษณะเป็นเม็ดสีชมพู ทรงกลม ขนาด 400 mg เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการปวดเล็กน้อยถึงปานกลาง ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคกระเพาะ เพราะมีฤทธิ์ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารค่อนข้างสูง จึงควรทานหลังอาหารทันที หรือทานในกรณีที่แพทย์สั่งเท่านั้น นอกจากจะช่วยเรื่องอาการปวดประจำเดือนแล้ว ยังช่วยในเรื่องของอาการข้ออักเสบ ลดไข้ ปวดศีรษะ ปวดฟัน ปวดแผล ปวดกล้ามเนื้อได้อีกด้วย
2. Ponstan
ยาแก้ปวดท้องเมนส์ที่เรารู้จักกันดี มีลักษณะเป็นเม็ดทรงรี สีเหลือง ขนาด 500 mg โดยตัวยาจะใช้เวลาในการออกฤทธิ์โดยประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง และออกฤทธิ์ได้ยาวนานถึง 6 ชั่วโมง แนะนำให้ทานวันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 1 เม็ด พร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันที เนื่องจากตัวยามีฤทธิ์สูง สามารถกัดกระเพาะได้ง่าย นอกจากนี้ยังช่วยอาการปวดฟัน ปวดหลัง รวมถึงอาการปวดหลังจากการผ่าตัด
3. Gofen
โดยตัวยาแก้ปวดท้องเมนส์ชนิดนี้มีขนาด 400 mg ซึ่งจะมาในรูปแบบของแคปซูลเจลาติน หรือซอฟเจนิ่ม ๆ ทานง่าย เหมาะสำหรับผู้ใหญ่หรือเด็กที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป ทานได้ทุก 4 – 6 ชั่วโมง เมื่อมีอาการปวด แต่สูงสุดได้ไม่เกินวันละ 3 แคปซูล แนะนำให้ทานพร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันที เนื่องจากตัวยาระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร อาจกัดกระเพาะได้ ใช้เวลาในการออกฤทธิ์ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง และตัวยาจะออกฤทธิ์ได้นาน 6 ชั่วโมง นอกจากจะช่วยเรื่องอาการปวดประจำเดือนแล้ว ยังครอบคลุมอาการปวดหัว ปวดฟัน ปวดหลัง ปวดไมเกรน และลดไข้ได้
4. Nosmen
ยาตัวนี้จะมีลักษณะเป็นเม็ดยาสีขาว ขนาด 120 mg ใช้ระยะเวลาในการออกฤทธิ์ไม่นาน เพียง 1 เม็ด ก็สามารถออกฤทธิ์ได้ยาวนานถึง 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว และยังเป็นตัวยาที่ไม่ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร ไม่กัดกระเพาะ จึงสามารถทานเวลาไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องทานพร้อมอาหาร โดยแนะนำให้ทานตั้งแต่วันแรกที่มีอาการปวดประจำเดือน วันละ 1 เม็ด ทานก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ และยังช่วยในเรื่องอาการปวดเกาต์ ปวดตามข้อต่าง ๆ ได้อีกด้วย
5. Naproxen
นอกจากจะเป็นยาที่ช่วยอาการปวด อักเสบ หรือบวมตามข้อแล้ว ยังช่วยลดอาการปวดท้องเมนส์ได้อีกด้วย เนื่องจากเป็นตัวยาที่มีฤทธิ์สูง และมีผลข้างเคียงค่อนข้างมาก จึงไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า โรคหอบหืด โรคหัวใจ หากต้องการใช้ยาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำจากแพทย์และเภสัช เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการปวดแบบเฉียบพลัน เพราะใช้ระยะเวลาในการออกฤทธิ์ไม่นาน เมื่อปวดท้องประจำเดือนสามารถทานได้ทุก 6 – 8 ชั่วโมง แต่ไม่ควรเกิน 1,000 mg ต่อวัน
วิธีดูแลตัวเองเมื่อปวดท้องประจำเดือน
-
ประคบร้อนบริเวณท้องน้อย
วิธีนี้จะช่วยให้กล้ามเนื้อที่ตึงรู้สึกผ่อนคลาย ทำให้อาการปวดประจำเดือนลดลง เพียงแค่ใช้กระเป๋าน้ำร้อนประคบบริเวณท้องน้อย หรือบริเวณที่ปวดท้องเมนส์ หากไม่มีกระเป๋าน้ำร้อนใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำร้อนแทนก็ได้ ความอุ่นจากกระเป๋าน้ำร้อนจะช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว และช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดียิ่งขึ้น
-
ดื่มชาอุ่น ๆ ช่วยลดอาการปวด
จากงานวิจัยระบุว่ามีชาหลายชนิดช่วยลดอาการปวดได้ เช่น ชาคาโมมายล์, ชาเขียวอู่หลง, ชาเปปเปอร์มินต์ รวมไปถึงการจิบเครื่องดื่มอุ่น ๆ อย่างน้ำขิง น้ำผึ้งผสมมะนาว ก็จะช่วยปรับภายในร่างกายให้อุ่นขึ้นด้วย
-
งดทานอาหารมัน ๆ เน้นทานผักและผลไม้
ลดปริมาณอาหารที่มีไขมัน เพราะการทานอาหารที่มีไขมันสูงจะทำให้ย่อยยาก และเกิดอาการไม่สบายตัวมากขึ้น หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ให้เลือกใช้น้ำมันมะกอกแทนน้ำมันชนิดอื่น ๆ และเน้นทานผัก ผลไม้ เพื่อช่วยลดของเสียในร่างกายและช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย สบายตัว คลายความเครียดได้ เพราะเมื่อร่างกายหลั่งสารแห่งความสุข หรือสารเอ็นโดรฟินออกมาหลังออกกำลังกาย ก็จะช่วยลดอาการปวดท้องเมนส์ลงได้
เล่นโยคะ หรือทำสมาธิ
ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดอาการปวดประจำเดือนได้เป็นอย่างดี เพราะการทำสมาธิจะช่วยลดความเครียด ส่วนการเล่นโยคะจะช่วยสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง และเสริมความยืดหยุ่นให้ร่างกายมากขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อท้องและหลังยืดหยุ่นได้ดีขึ้น
ถึงแม้ว่ายาแก้ปวดท้องเมนส์ สีชมพู หรือยาแก้ปวดท้องเมนส์ชนิดอื่น ๆ จะดีแค่ไหน แต่สาว ๆ ก็ไม่ควรละเลยที่จะปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันตามไปด้วย ทั้งเรื่องอาหารการกิน ออกกำลังกาย ผ่อนคลายความเครียด รวมถึงการทานยาตามคำแนะนำอย่างถูกวิธี เพราะถ้าหากทานติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ๆ จากผลดีก็อาจให้โทษได้เช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก โรงพยาบาลวิมุต
https://www.vimut.com/article/5-tips-relief-from-period-pain