การทำธุรกิจแบบ E-Commerce สำหรับซื้อขายสินค้าทางแพลตฟอร์มออนไลน์ การส่งมอบสินค้าให้ถึงมือลูกค้านับเป็นส่วนที่ท้าทายที่สุดของวงจร เพราะแตกต่างจากการค้าปลีกแบบเดิมที่มีหน้าร้านให้ลูกค้าเข้ามาซื้อและหยิบจับสินค้าด้วยตนเองได้ แต่เป็นการขายผ่านอินเทอร์เน็ตระยะไกลที่เมื่อชำระเงินแล้ว สินค้ายังไม่ได้ถึงมือลูกค้าในทันที
ถึงขั้นตอนนี้เจ้าของธุรกิจมี 2 วิธี ในการเลือกส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้า โดยจะแบ่งเป็นการจัดส่งถึงบ้านให้กับลูกค้า หรือ Home Delivery และการนัดหมายให้ลูกค้าเข้ามารับสินค้าที่ร้านหรือสาขาด้วยตนเองหลังจากที่ซื้อผ่านทางออนไลน์แล้ว หรือ Click and Collect นั้นเอง ซึ่งทั้ง 2 วิธีต่างก็มีข้อได้เปรียบและส่วนที่เป็นอุปสรรคกับธุรกิจแตกต่างกัน เจ้าของธุรกิจจึงจำเป็นต้องรู้จักและเข้าใจการจัดส่งสินค้าทั้ง 2 แบบ เพื่อปรับใช้กับการทำ E-Commerce ของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างเต็มที่ที่สุด
บริการจัดส่งสินค้าถึงบ้านแบบ Delivery
นับเป็นวิธีที่หลายธุรกิจแบบ E-Commerce เลือกใช้กันทั่วไป ซึ่งเมื่อลูกค้าทำธุรกรรมการซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์บนแพลตฟอร์มที่ธุรกิจเลือกใช้สำเร็จ ผู้ขายจะทำการจัดส่งสินค้านั้นทางไปรษณีย์หรือผ่านผู้ให้บริการจัดส่งสินค้าไปยังที่อยู่ที่ลูกค้าระบุไว้
ประเภทธุรกิจที่นิยมใช้วิธีนี้
บริการจัดส่งสินค้าถึงบ้านให้กับลูกค้า มักนิยมในธุรกิจที่ขายสินค้าชิ้นใหญ่ในกลุ่มของเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น IKEA และ HomePro หรือการสั่งอาหารออนไลน์อย่าง Grab และ Foodpanda รวมไปถึงธุรกิจ E-Commerce ของผู้ค้ารายย่อยที่เปิดร้านบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เป็นต้น
ข้อได้เปรียบ
- เพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าอย่างเต็มที่ เพราะไม่ต้องเดินทางออกจากบ้านเพื่อไปซื้อสินค้าด้วยตนเองหรือเพราะลูกค้าไม่สะดวกเรื่องการเดินทาง
- ใช้ต้นทุนต่ำและเหมาะกับผู้ค้าและผู้ประกอบการ E-Commerce รายย่อย เพราะไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเปิดหน้าร้าน
- เพิ่มโอกาสทางการขายให้กับลูกค้าในทุกพื้นที่ที่การจัดส่งเข้าถึงได้
ข้อด้อยและอุปสรรค
- อาจต้องลงทุนค่าเดินทางและค่าจ้างพนักงานจัดส่งเพิ่ม หากธุรกิจต้องการจัดส่งสินค้าด้วยบริการของตนเอง
- จำเป็นต้องหักส่วนแบ่งจากกำไรให้กับผู้ให้บริการจัดส่ง หากใช้บริการส่งสินค้าผ่านบริษัทตัวแทน
- สินค้าอาจถึงมือลูกค้าล่าช้า เพราะขั้นตอนและจำนวนของพัสดุที่ผู้ให้บริการต้องจัดส่งให้กับลูกค้าแต่ละพื้นที่
- มีโอกาสที่สินค้าอาจชำรุดหรือสูญหายระหว่างการจัดส่งได้ ผู้ขายควรมีนโยบายการชดเชยในส่วนนี้ให้กับลูกค้า
บริการให้ลูกค้ามารับสินค้าเองที่สั่งซื้อไว้แบบ Click and Collect
หลังจากที่ลูกค้าทำธุรกรรมการสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์สำเร็จเแล้ว ร้านค้าผู้ขายก็จะทำการเตรียมสินค้าไว้ให้ที่จุดรับหรือที่สาขาในเครือ และนัดวันและเวลาเข้ารับสินค้านั้นให้ลูกค้าเดินทางเข้ามารับด้วยตนเอง
ประเภทธุรกิจที่นิยมใช้วิธีนี้
วิธีการนัดให้ลูกค้าเดินทางมารับสินค้าด้วยตนเอง นับว่าไม่ได้ใหม่อย่างที่หลายคนเข้าใจ ซึ่งกลุ่มธุรกิจที่มีหน้าร้านประจำอยู่แล้วก็สามารถเลือกใช้วิธีนี้เสริมจากบริการส่งถึงบ้านที่มีอยู่แล้ว โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร หรือร้านจำหน่ายสินค้าไอทีที่มีความเปราะบางและเสี่ยงต่อการชำรุดเสียหายระหว่างการจัดส่งได้ เป็นต้น
ข้อได้เปรียบ
- ช่วยลูกค้าประหยัดเวลาและขั้นตอนในการรอสินค้าจัดส่ง
- ลูกค้ามั่นใจได้ว่าได้รับสินค้าถึงมือแน่นอน
- ลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการจัดส่งของผู้ประกอบการ
ข้อด้อยและอุปสรรค
- ลูกค้ายังคงต้องเดินทางมายังหน้าร้านหรือสาขาเพื่อรับสินค้าที่ซื้อไว้ด้วยตนเอง
- ลูกค้าสามารถรับสินค้าได้ตามเวลาทำการของร้านเท่านั้น เสมือนการมาซื้อสินค้าที่ร้านเองเพียงแต่สั่งซื้อและชำระเงินไว้ล่วงหน้า
- ลดโอกาสทางการค้าในพื้นที่ห่างไกลจากหน้าร้านของสาขาไม่ครอบคลุมทั่วถึง
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าธุรกิจที่เลือกทำ E-Commerce จะเลือกใช้วิธีใดสำหรับการส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้า อาจเลือกจากปัจจัยทางด้านความพร้อมของต้นทุน ประเภทของสินค้าที่ขาย และกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ต้องการรองรับ ซึ่งหากธุรกิจมีความพร้อมที่จะเลือกใช้ทั้ง 2 วิธีโดยไม่ขัดข้องในส่วนของต้นทุน ก็นับว่าเป็นการขยายโอกาสทางการขายได้กว้างขวางไม่น้อยเลย
อ้างอิง:
- https://anyline.com/news/home-delivery-or-click-and-collect
- https://www.techtarget.com/whatis/definition/click-and-collect
- https://faq-th.uniqlo.com/articles/en_US/FAQ/Why-Click-and-Collect-Service